กินเหนียว แช่ว่านสรรพยา เสริมชะตาบารมี ณ วัดเขาอ้อ เที่ยวเมืองรอง พัทลุง
เรื่อง / ภาพ สุเทพ ช่วยปัญญา
การรักษาโรคด้วยเวชศาสตร์มีมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว ควบคู่ไปกับวิชาไสยเวท์ เมื่อโรคต่างๆรักษาให้หายด้วยสมุนไพรได้ ในทางตรงข้ามการทำคุณไสย์ก็สามารถทำให้คนเจ็บป่วยได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายโดยตรงหรือทางด้านจิตใจ ความเชื่อและศรัทรา จึงทำให้คนจากทั่วสาระทิศหลั่งไหลกันมาเพื่อเข้าพิธี เสริมชะตาบารมี กินเหนียว แช่ว่านสรรพยา เสริมชะตาบารมี ณ วัดเขาอ้อ พัทลุง ให้ได้สักครั้งหนึ่ง
ศาสนาพราหมณ์จากประเทศอินเดีย เริ่มเขามาเผยแผ่ตามวัดต่างๆ ในเขตเมืองนครศรีธรรมราช และทางภาคใต้ของประเทศไทย วัดเขาอ้อก่อนนี้มีฐานะเป็นแค่เพียงสำนักเขาอ้อ ก็ได้รับอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์นี้ไปด้วย โดยมีพระครูพราหมณ์เข้ามาบำเพ็ญพรต และเผยแผ่ศาสนาพราหมณ์ อยู่ตามสำนักต่างๆทั่วภาคใต้ พราหมณ์ผู้ทรงวิทยาคุณจะทำหน้าที่ ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่ เชื่อพระวงศ์ และลูกหลานของผู้นำ เพราะพราหมณ์รักสงบ มีธาตุแห่งความประนีประนอมสูง ความคิดกว้างไกล เป็นนักการศึกษา นอกจากจะมีวิชาเกี่ยวกับการปกครองตามตำราธรรมศาสตร์แล้ว ยังมีเรื่องพิธีกรรม ฤกษ์ยาม การจัดทัพตามตำราพิชัยสงคราม ตลอดไปถึงไสยเวทย์ และการแพทย์สมุนไพรอีกด้วย
เมื่อศาสนาพุทธเข้ามามีบทบาทแทนศาสนาพราหมณ์ สำนักเขาอ้อก็เปลี่ยนสถานะกลายเป็นวัดและร้างลงในที่สุด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นใหม่ในสมัยอยุธยา ต่อมาพระมหาอินทราชจากเมืองปัตตานี ได้บูรณะวัดแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ ให้เป็นแหล่งวิทยาคมทางไสยศาสตร์ ต่อมาพราหมณ์รุ่นสุดท้ายได้ไปนิมนต์ “พระอาจารย์ทอง” มาจากวัดน้ำเลี้ยว ให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดอ้อ เพื่อที่จะมอบคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของบูรพาจารย์พราหมณ์พร้อมถ่ายทอดวิชาให้ พระเกจิอาจารย์ต่างยุคต่างสมัย ได้ทำพิธีไสยเวทย์สืบทอดต่อกันมา เป็นพิธีศักสิทธิ์เลื่อมใส่ศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไป มาจนถึงปัจจุบัน
แช่ว่านสรรพยา มหาเสน่ห์ อยู่ยงคงกระพัน
อาจารย์เปลี่ยน หทัยานนท์ เจ้าพิธีกรรมเล่าให้ฟังว่า “เมื่อปี 2497 อาจารย์อายุได้ 17 ปี มาบวชเรียนนักธรรม อยู่กับพระอาจารย์ที่วัดเขาอ้อ พระอาจารย์ก็ใช้ให้ช่วยงานในทำพิธีแช่ว่าน ใช้โดยไม่หยุดหย่อน ทำแล้วมันก็มารักเรื่องนี้ ทีนี้เลยทำสืบต่อมา พิธี กินเหนียว แช่ว่านสรรพยา เสริมชะตาบารมี ณ วัดเขาอ้อ พัทลุง จะจัดขึ้น 2 ครั้ง ในเดือน 5 และเดือน 10 เป็นประจำทุกปี ในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 12 กุมภาพันธ์ 2562 หรือใครอยากแช่ส่วนตัวก็สามารถติดต่อเข้ามาได้
เมื่อก่อนเขาเรียกว่าการแช่ยาต่อมา มาพลิกเป็นแช่น้ำว่าน มีตัวว่านสมุนไพรต่างๆมากมาย จริงๆเขาไม่ได้นำว่านพวกนี้มาแช่เลย เขาต้องเอาไปต้มก่อนให้มันได้ตัวยาออกมาแล้วค่อยเอามาใส่ในบ่อ ส่วนว่านที่แช่จริงๆมีแค่บอระเพ็ดกับกิ่งชาลี สมัยก่อนแช่กันถึง 9 วัน 9 คืน มาตอนนี้แช่กันแค่ 3 วัน 3 คืน ก็พอแล้ว
คนที่จะเข้าพิธีสมัยก่อนต้องมาสมัครแล้วหายามาเอง ต้องช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่ ต้มนำ้ต้มยาทุกเรื่อง มาตอนนี้คนที่จะเข้าพิธีแช่น้ำวานได้ต้องติดต่อเข้ามา จองคิวเป็นปีก็มี มาถ้าฤกษ์ไม่มีเราก็ไม่ทำให้ เพราะต้องดูฤกษ์ดูยามด้วย แล้วแต่สมัครใจตั้งใจว่าจะแช่ ก็หายามาถ้าหาไม่ได้เราก็หาให้ ทำความบริสุทธิ์ตัวเองก่อน หมายถึงเกิดใหม่เลยนะ ถือศีล 5 โดยเฉพาะศีลข้อ 3 ผิดลูกเมียคนอื่นห้ามเด็ดขาด
ปีนี้มีคนมาพิธีแช่ว่านทั้งหมด 12 คน แช่ได้ครั้งละ 6 คน รอบละ 2 ชั่วโมง แช่สลับกันไปทั้งวันทั้งคืน จนครบ 3 วัน 3 คืน เริ่มพิธีด้วยการบูชาครู ประกาศเทวดา ไหว้เจ้าที่เจ้าทางด้วยเครื่อง 12 ให้ช่วยปกปักษ์รักษา ผลตอบรับมันก็คือมันรักษาโรคได้หลายโรคเหมือนกัน ปวดหลังปวดเอว แล้วก็มหาเสน่ห์ อยู่ยงคงกระพันชาตรี มันบวกไปในตัวแล้วก็มีเมตตาด้วย เพราะเวลาเสกยาเราใช้คาถาหลายบทประสานกัน”
กวนข้าวเหนียวดำเสก ป้อนหลังจากแช่น้ำว่าน
พิธีการกวนข้าวเหนียวดำเสกนั้นจะกระทำกันในโบสถ์ มีอาจารย์เปลี่ยน หทัยานนท์ เป็นเจ้าพิธีกรรม ทำร่วมกับพระอีก 3 รูป และคณะศิษย์ของอาจารย์เปลี่ยน โดยหาข้าวสารเหนียวดำมาต้มกับน้ำว่านยา หุงในหม้อเตาถ่านทั้งหมด 4 เตา เมื่อนี้ก่อนหุงบนก้อนเส้า มีเสาไม้ยันกัน 3 หลัก อยู่เหนือหม้ออีกที แล้วลงคาถาระหว่างหุง
ในเตาก็จะเขียนธาตุทั้ง 4 แล้วเสกข้าวเหนียวด้วยศีลร้อยแปดข้อ นั่งภาวนาจนกว่าหม้อพุ่ง พอหม้อพุ่งน้ำเดือดได้ที่แล้วก็ใส่น้ำรำมะนาที่ปลุกเสกลงไป หุงจนข้าวเหนียวสุกแบบไม่เทน้ำว่านทิ้ง จากนั้นก็ลาไฟให้อ่อนลง เพื่อดงข้าวเหนียวให้ระอุ เป็นอันเสร็จพิธี รอวันพรุ่งนี้จึงนำออกมาปั้นเพื่อแจกจ่ายกับคนทั่วไป ส่วนคนที่แช่น้ำว่านอยู่ก็จะนำไปป้อนให้ถึงบ่อนที่แช่วานอยู่เลย
พิธีป้อนข้าวดำเหนียวเสก แก้พิษโรคภัยต่างๆ
หลังจากพิธีกวนข้าวเหนียวดำเสกเสร็จ เช้าวันรุ่งขึ้นก็จะมีพิธีป้อนข้าวเหนียวดำเสก เริ่มต้นด้วยการนำข้าวเหนียวที่หุ้งเสร็จแล้ว มาปั้นเป็นลูกกลมๆพอคำ เอาใส่ถาดไว้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนหนึ่งป้อนให้กับคนที่เข้ามาทำพิธี ป้อนข้าวดำเหนียวเสกในโบสถ์ ผู้หญิงจะเข้าร่วมพิธีในโบสถ์ไม่ได้ เข้าได้เฉพาะผู้ชาย ผู้หญิงเข้าต้องรอรับข้าวเหนียวดำเสกอยู่นอกโบสถ์ คนที่จะเข้าพิธีจะต้องมาจองรับบัตรคิว ถอดเสื้อนุ่งกางขาสั้น นั่งต่อแถวกัน ทำพิธีได้ทีละคนต่ออาจารย์ 1 ท่าน แต่ละคนจะได้ป้อนข้าวเหนียวดำเสกคนละ 3 คำ
กับอีกส่วนหนึ่งปั้นข้าวเหนียวดำเสกแล้วใส่ในกระธงใบยอ เพื่อนำแจกจ่ายให้กับคนที่มารับตามใบคิวที่แจกไป คนที่มารับต้องรออยู่ที่รอบๆโบสถ์ เจ้าหน้าที่จะแจกข้าวเหนียวดำเสกให้ที่ช่องหน้าต่างของโบสถ์ ปีนี้มีคนมาต่อคิวรับข้าวเหนียวดำเสกกว่า 400 คน สรรพคุณทางยาของข้าวเหนียวดำเสกก็คือ แก้ปวดหลังปวดคอปวดกระดูก แล้วก็เป็นเมตตามหานิยม แล้วก็คงกระพันชาตรีอยู่ด้วย
สะเดาะห์ เสริมดวงชะตาบารมี เพื่อความเป็นสิริมงคล พบพานแต่สิ่งดีดีตลอดปี
พิธีสะเดาะห์ เสริมดวงชะตาบารมี เพื่อความเป็นสิริมงคล พบพานแต่สิ่งดีดีตลอดปี จะจัดขึ้นในคืนแรกของการจัดงานครั้งนี้ เริ่มพิธีตั้งแต่เวลาหกโมงเย็นเป็นต้นไป ผู้จะเข้าพิธีจะต้องสวมใส่เสื้อขาว หรือนุ่งขาวห่มขาวได้ยิ่งดี แจ้งชื่อกับเจ้าหน้าก่อน รับใบอนุโมธนามาลงชื่อ แล้วก็เข้าร่วมพิธีได้
ปีนี้มีคนมาเข้าพิธีเป็นจำนวนมาก จนล้นออกมานอกศาลาการเปรียญ นั่งประจำที่แล้วก็เอาสายสิญจน์พันรอบหัวไว้ ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระอาจารย์เจ้าพิธีจุดเทียนในอ่างน้ำมนต์ เป็นการเริ่มต้นพิธี การสวดนพเคราะห์เสริมบารมี ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ ปิดท้ายด้วยการได้รับการประพรมน้ำพุทธมนต์ในอ่างพิธี จากพระอาจารย์เจ้าพิธี ผู้เข้าร่วมพิธีได้รับน้ำมนต์จากไม้มะยมกันทุกคน อิบเอิ่มใจมีความสุข พบพานแต่สิ่งดีดี กันทั่วหน้า
ไม่ว่าความเชื่อหรือความศรัทราที่ทำลงไปในสิ่งที่เรายึดมั่น ก็ทำไปเถอะครับ เชื่อในสิ่งที่ทำในสิ่งที่เชื่อ คนมีบุญเท่านั้นถึงได้เข้าร่วมพิธี กินเหนียว แช่ว่านสรรพยา เสริมชะตาบารมี ณ วัดเขาอ้อ พัทลุง ในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
ขอบขอบคุณ
กองประชาสัมพันธ์ สื่อออนไลน์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช – พัทลุง