สทท. แถลงปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้า 38.25 ล้านคน คาดว่าปี 2562 ทะลุ 40 ล้านคน สร้างรายได้ 2.3 ล้านล้านบาท
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) จัดแถลงข่าวสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยปี 2561 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 4/2561 ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อคาดการณ์ถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 นี้ เป็นผลการสำรวจในช่วงเดือนตุลาคม–ธันวาคม และคาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นในไตรมาสที่ 1/2562 ตลอดจนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2561
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เป็นประธานแถลงข่าวสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยปี 2562 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 4/2561 พร้อมด้วยนายสุรวัช อัครวรมาศ เลขาธิการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นางฐนิวรรณ กุลมงคล รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผศ.ดร.สิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายศิเวก สัจเดว กรรมการผู้จัดการบริษัทไมนด์ทรี จำกัด และสื่อมวลชนร่วมแถลงคับคั่ง
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร กล่าวว่า “ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น ไตรมาสที่ 4/2561 เท่ากับ 100 อยู่ในระดับปกติซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำกว่าปกติในไตรมาส 2 (94) และไตรมาส 3(96) เนื่องมาจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว อีกทั้งยังได้รับปัจจัยสนับสนุนการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกิจกรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจจากภาครัฐ
เช่น ททท.ซึ่งช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของไทยได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำและต้นทุนการเดินทางอื่นๆ ที่ราคาถูกลงช่วยทำให้การเดินทางท่องเที่ยวง่ายขึ้น แม้จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลกซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจโลกและการท่องเที่ยวชะลอตัวลงไปบ้าง
นายสุรวัช อัครวรมาศ กล่าวว่า “ประเทศไทยเองมีปัญหาในเรื่องอุบัติเหตุของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งภาครัฐและเอกชนที่ได้ช่วยกันประคับประคองและแก้ไขปัญหาร่วมกันมาโดยตลอด ทำให้ในปีนี้ยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศทั้งสิ้นประมาณ 38.25 ล้านคน และสร้างรายได้ 2 ล้านล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนต้นปี ซึ่งมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VOA
ในช่วงปลายปีก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านคนจากที่ประมาณไว้เดิมในช่วงไตรมาส 3 คิดเป็นรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และในปีหน้า (2562) ไตรมาสที่ 1/2562 คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นเท่ากับ 100 ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงปกติอย่างต่อเนื่อง จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 40 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5.5 จากปีนี้ และสร้างรายได้ให้กับประเทศสูงถึง 2.3 ล้านล้านบาท”
นางฐนิวรรณ กุลมงคล กล่าวว่า “ในต้นปีหน้าสทท.จะมีโครงการร่วมกับทาง สนช.(สภานิติบัญญัติแห่งชาติ) คือ โครงการ We Care About You โดยจะเลี้ยงอาหารไทยให้กับนักท่องเที่ยวจีน 10,000 คน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และประชาสัมพันธ์อาหารไทยในตลาดโลก รวมถึงจะมีการสร้างสถิติโลกในการจัดทำข้าวเหนียวมะม่วงที่หนักที่สุดในโลก (Guinness Book World Record) ซึ่งข้าวเหนียวมะม่วงเป็นเมนูขนมไทยที่ติดอันดับ 50 ขนมอร่อยจากทั่วโลกจากการจัดอันดับล่าสุดของ CNN ทางสทท.อยากให้คนไทยทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างวัฒนธรรมในการรับประทานอาหารท้องถิ่นที่ใช้วัตถุดิบจากภายในพื้นที่ เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นการได้ไปสัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของที่นั่นจริงๆ และเป็นการกระจายรายได้สู่พื้นที่อย่างยั่งยืน”
ผศ.ดร.สิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน กล่าวว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 4/2561 เท่ากับ 100 เพิ่มขึ้นจากระดับตำ่กว่าปกติใน ไตรมาส 2 (94) และไตรมาส 3 (96) มาตรการภาครัฐในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี เช่น การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ทำให้การคาดการณ์ จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2561 เพิ่มขึ้นจาก 37.19 ล้านคน เป็น 38.25 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 1.06 ล้านคน คิดเป็น รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 5.6 หมื่นล้านบาท ไตรมาส 1/2562 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.85 จากปีก่อน คาดว่าในปี 2562 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 40.37 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.54 และมีรายได้จาก นักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 2.29 ล้านล้านบาท
ส่วนการสำรวจความเห็นทั้งผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยวชาวไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติพบว่า ปัญหาหลักที่ควรได้รับการแก้ไขคือการบริการขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีไม่เพียงพอและไม่ได้มาตรฐาน โดยการสำรวจความเห็นพบว่า ควรต้องมีการพัฒนาการบริการขนส่งสาธารณะในแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะรถแท็กซี่หรือรถรับจ้างประเภทต่างๆ เช่น การพัฒนาและใช้ระบบลักษณะ Grab/Uber ให้ถูกกฎหมายและอาจจะขยายไปยังรถโดยสารประเภทอื่น (รถตู้ รถสองแถว) เพื่อเพิ่มการบริการ และเพิ่มความสะดวกในการติดต่อ และควบคุมดูแลมาตรฐานได้ ส่งเสริมพัฒนากลไกในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในแหล่งท่องเที่ยว ผ่านการดำเนินงานกองทุนที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะในการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว (สอดคล้องกับการดำเนินงานของภาครัฐในปัจจุบัน ในการพัฒนาการจัดตั้งและการดำเนินงานกองทุนพัฒนาการท่องเที่ยว) จัดทำปฏิทินการท่องเที่ยวของแต่ละพื้นที่ให้สอดรับและมีจุดเด่นตลอดทั้งปี และให้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย
สทท.ควรเสนอให้ภาครัฐควรร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สร้างมาตรฐานให้แหล่งท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อให้ได้มาตรฐานสากล มีความปลอดภัยและนักท่องเที่ยวไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการซื้อสินค้าและบริการ รวมทั้งเร่งพัฒนาระบบการเดินทางสาธารณะเพื่อเข้าถึงในแหล่งท่องเที่ยว โครงการเสริมสร้างและบำรุงรักษาสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง เพื่อบูรณาการให้ยั่งยืน ป้องกันปัญหาเกิดแหล่งเสื่อมโทรมในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างกิจกรรมเพื่อแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆในชุมชนเมืองรอง”
นายศิเวก สัจเดว กล่าวว่า “แนวโน้มนักท่องเที่ยวทั่วโลกจะมาท่องเที่ยวประเทศไทยจากอินเดียจะเพิ่มขึ้น โดยเน้นไปที่การมาชิมอาหารไทยที่คล้ายกับอินเดีย กับการให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วม กับงานแต่งงานของคนอินเดียที่จัดขึ้นในประเทศไทย และการเตรียมตัวรับนักท่องเที่ยวแบบ NO MAD หรือนักท่องเที่ยวที่ทำงานไปเที่ยวไป คือทำงานด้วยการรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวไปด้วย จะเข้าพักอาศัยในแต่ละประเทศครั้งละเป็นเดือน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) จัดแถลงข่าวสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยปี ๒๕๖๒ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ ห้องประชุมกษัตริย์ศึก ๑ ชั้น ๔ โรงแรมเดอะทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพมหานคร